1. "ทา Hand cream ทุกครั้ง หลังล้างมือ" โดยเฉพาะคุณที่มีผิวแห้ง ส่วนผสมน้ำมันในครีมจะช่วยให้เล็บของคุณชุ่มชื่นขึ้น
2. "สำหรับท่านที่เล็บอ่อน" ควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำนานๆเพราะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เล็บอ่อนตัวและเปราะบาง ถ้าจำเป็นต้องล้างห้องน้ำ ล้างจานชามกองโต อาจต้องใช้ถุงมือยางช่วยค่ะ
3. "ถ้าเล็บของคุณเปราะบางมาก" ควรใช้ยาเคลือบเล็บใสทา ก่อนทาเคลือบเล็บสี จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเล็บได้ดีขึ้น
4. "บางครั้งเล็บหักหรือเล็บฉีก" คุณสามารถซ่อมได้ โดยใช้ถุงชาหรือกระดาษกรองกาแฟ จากนั้นให้ทากาวที่ใช้สำหรับติดเล็บเทียม แล้วติดลงไปบริเวณที่เล็บฉีก รอให้แห้ง แล้วใช้ตะไบถูเบาๆ ให้กระดาษเรียบเป็นเนื้อเดียวกับเล็บ แล้วจึงทายาเคลือบเล็บใสทับ แค่นี้เล็บก็สวยปิ๊งเหมือนเดิม
5. "ถ้าจะต้องทำสวน หรือทำงานที่อาจทำให้เล็บสกปรกเลอะเทอะ" ให้ครูดเล็บไปบนสบู่ก้อน เพื่อให้เนื้อสบู่เข้าไปอุดในซอกเล็บ กันไม่ให้เศษดินเข้าไปติดในซอกเล็บนะค่ะ พอเสร็จงานค่อยล้างสบู่ออก อย่างนี้ง่ายกว่ากันเยอะเลยค่ะ
6. ถ้า "เล็บของคุณเปรอะเปื้อนคราบหมึก" ให้ไช้แปรงสีฟันเก่าๆทายาสีฟันเล็กน้อย ค่อยๆ ถูเบาๆ
7. "หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างเล็บที่มีส่วนผสมของ Acetone" เพราะจะทำให้เล็บของคุณขาดความชุ่มชื่น
8. "อย่าตะไบเล็บทันทีหลังอาบน้ำ" เพราะเล็บช่วงนั้นจะอ่อนตัว จะทำให้เกิดการฉีกขาดได้ง่าย
9. "หมั่นคอยดูแลกัน" แค่นี้ล่ะค่ะ เล็บก็จะสวยอวดคนข้างๆได้สบายเลยล่ะค่ะ
ดูแลเท้าให้อ่อนนุ่ม...และผ่อนคลาย
. "เท้า" เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่เรามักจะลืม...แต่คุณรู้ไหมว่า เท้าน่ะรับทบบาทหนักแค่ไหน นอกจากต้องรับน้ำหนักทั้งร่างกายของคุณแล้ว หากวันไหนคุณใส่รองเท้าใหม่ หรือรองเท้าที่คับเกินไป พอสิ้นวัน เท้าจะบวมแดง นานไป..เท้าก็มีโอกาสที่จะด้านเป็นตาปลา แตกแห้ง จนกระทั่งถึงติดเชื้อรา เพราะฉะนั้นหากมีเวลาเสียสละเวลาสักสัปดาห์ละครั้ง มาดูแลเท้าให้อ่อนนุ่มผ่อนคลาย และสดชื่นดีกว่าจะได้งามตั้งแต่หัวจรดเท้าไงคะ
และต่อไปนี้ คือ 5 กรรมวิธีสำหรับการดูแลเท้า รวมแล้วใช้เวลาแค่ 10 นาทีเองค่ะ เอาล่ะค่ะเริ่มกันเลยนะคะ
1.แช่เท้าของคุณลงในน้ำอุ่น ที่ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย เพื่อให้ผิวเท้าของคุณนุ่มขึ้น ใช้
แปรงนุ่มๆ ขัดเบาๆ เพื่อขัดผิวหนังที่หมดอายุออก ใช้หินภูไมซ์ (หาซื้อได้ตามแผนกเครื่องสำอางทั่วไป) ขัดส่วนที่แข็งกระด้าง เช่น ส้นเท้า และ ข้อเท้า ส่วนที่อื่นๆให้ใช้บวบ หรือแปรงนุ่มๆขัดด้วยเกลือผสมกับน้ำมันมะกอก
2.เล็มเล็บเท้าส่วนที่แข็งและแตกออก โดยจุ่มเท้าลงในอ่างน้ำอุ่นที่ผสมน้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย ประมาณ 5 นาที แล้วค่อยลงมือตัดเล็บ การตัดเล็บเท้าแนะนำให้ตัดตรงๆแล้วค่อยๆ เล็มส่วนขอบให้เรียบ
3.ใช้ครีมถนอนเล็บ ทาเล็บเท้าแต่ละเล็บ ค่อยๆ นวดเป็นวงกลมให้ทั่ว เพื่อให้เลือดลมเดินดี
4.นวดทั้งเท้าด้วยโลชั่น หรือครีมชนิดพิเศษสำหรับผิวหนังที่หยาบกร้าน ซึ่งจะช่วยให้ผิวเท้านุ่มขึ้น และป้องกันการเกิดผิวหยาบกระด้าง โดยให้ทาเน้นที่ส้นเท้า ที่ผิวหนังมักจะแห้งกระด้าง
5.ถ้าจำเป็นต้องพ่นยาดับกลิ่นที่เท้า ให้เลือกชนิดที่ทำจากสารธรรมชาติ เพราะสเปรย์พ่นเท้าหลายชนิด มักทำให้รูขุมขนอุตตัน เป็นเหตุให้ปัญหากลิ่นที่เท้าของคุณยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก
มหันตภัยการใส่รองเท้าส้นสูง...ที่น่ากลัว
สำหรับสาวๆ เอเชีย การใส่รองเท้าส้นสูง ดูเป็นส่งที่ขาดไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้นจะดู
"ไม่เท่ห์ โปร่งเพรียว เป็นสง่า" แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การใส่ส้นสูงจนเกินไปอาจเป็นอันตรายกับสุขภาพของคุณได้..
ทำไมนะหรือ...ก็เพราะการสวมใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ ทำให้ร่างกายของคุณอยู่ในภาวะเกร็งตลอดเวลา ก็นึกงายๆ ดูซิว่า ยามเมื่อคุณ "ใส่ส้นสูง" จุดรับน้ำหนักของคุณ จะอยู่ที่ปลายเท้าเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเท้าและน่องจึงต้องทำงานหนัก เพื่อให้ร่างกายทรงตัวได้ปกติ พอน่องทำงานหนักนานๆ ก็พาลโยงใยไปถึงกล้ามเนื้อ ส่วนอื่น เช่น หลัง เป็นต้น
การสวมใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ นานๆ จึงอาจทำให้คุณปวดทั้งน่อง ทั้งหลัง รวมไปถึงปวดหัวด้วย
แต่เมื่อจำเป็นต้องใส่รองเท้าส้นสูง และต้องยืนนานๆ ควรพยายามเคลื่อนไหวเท้า เพื่อเปลี่ยนอิริยาบทบ้าง เมื่อนั่งควรบริหารกล้ามเนื้อ โดยพยายามกระดกเท้าขึ้นลง ซ้ายขวา
เมื่อกลับถึงบ้าน หากมีเวลาให้ใช้น้ำอุ่นแช่เท้า นวดเบาๆ แล้วเช็ดให้แห้ง ก่อนเข้านอน ให้ยกเท้าพิงฝา สูงกว่าศีรษะสักพัก แล้วค่อยเข้านอนค่ะ
ดูแลเท้าให้อ่อนนุ่ม...และผ่อนคลาย
. "เท้า" เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่เรามักจะลืม...แต่คุณรู้ไหมว่า เท้าน่ะรับทบบาทหนักแค่ไหน นอกจากต้องรับน้ำหนักทั้งร่างกายของคุณแล้ว หากวันไหนคุณใส่รองเท้าใหม่ หรือรองเท้าที่คับเกินไป พอสิ้นวัน เท้าจะบวมแดง นานไป..เท้าก็มีโอกาสที่จะด้านเป็นตาปลา แตกแห้ง จนกระทั่งถึงติดเชื้อรา เพราะฉะนั้นหากมีเวลาเสียสละเวลาสักสัปดาห์ละครั้ง มาดูแลเท้าให้อ่อนนุ่มผ่อนคลาย และสดชื่นดีกว่าจะได้งามตั้งแต่หัวจรดเท้าไงคะ
และต่อไปนี้ คือ 5 กรรมวิธีสำหรับการดูแลเท้า รวมแล้วใช้เวลาแค่ 10 นาทีเองค่ะ เอาล่ะค่ะเริ่มกันเลยนะคะ
1.แช่เท้าของคุณลงในน้ำอุ่น ที่ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย เพื่อให้ผิวเท้าของคุณนุ่มขึ้น ใช้
แปรงนุ่มๆ ขัดเบาๆ เพื่อขัดผิวหนังที่หมดอายุออก ใช้หินภูไมซ์ (หาซื้อได้ตามแผนกเครื่องสำอางทั่วไป) ขัดส่วนที่แข็งกระด้าง เช่น ส้นเท้า และ ข้อเท้า ส่วนที่อื่นๆให้ใช้บวบ หรือแปรงนุ่มๆขัดด้วยเกลือผสมกับน้ำมันมะกอก
2.เล็มเล็บเท้าส่วนที่แข็งและแตกออก โดยจุ่มเท้าลงในอ่างน้ำอุ่นที่ผสมน้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย ประมาณ 5 นาที แล้วค่อยลงมือตัดเล็บ การตัดเล็บเท้าแนะนำให้ตัดตรงๆแล้วค่อยๆ เล็มส่วนขอบให้เรียบ
3.ใช้ครีมถนอนเล็บ ทาเล็บเท้าแต่ละเล็บ ค่อยๆ นวดเป็นวงกลมให้ทั่ว เพื่อให้เลือดลมเดินดี
4.นวดทั้งเท้าด้วยโลชั่น หรือครีมชนิดพิเศษสำหรับผิวหนังที่หยาบกร้าน ซึ่งจะช่วยให้ผิวเท้านุ่มขึ้น และป้องกันการเกิดผิวหยาบกระด้าง โดยให้ทาเน้นที่ส้นเท้า ที่ผิวหนังมักจะแห้งกระด้าง
5.ถ้าจำเป็นต้องพ่นยาดับกลิ่นที่เท้า ให้เลือกชนิดที่ทำจากสารธรรมชาติ เพราะสเปรย์พ่นเท้าหลายชนิด มักทำให้รูขุมขนอุตตัน เป็นเหตุให้ปัญหากลิ่นที่เท้าของคุณยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก
มหันตภัยการใส่รองเท้าส้นสูง...ที่น่ากลัว
สำหรับสาวๆ เอเชีย การใส่รองเท้าส้นสูง ดูเป็นส่งที่ขาดไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้นจะดู
"ไม่เท่ห์ โปร่งเพรียว เป็นสง่า" แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การใส่ส้นสูงจนเกินไปอาจเป็นอันตรายกับสุขภาพของคุณได้..
ทำไมนะหรือ...ก็เพราะการสวมใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ ทำให้ร่างกายของคุณอยู่ในภาวะเกร็งตลอดเวลา ก็นึกงายๆ ดูซิว่า ยามเมื่อคุณ "ใส่ส้นสูง" จุดรับน้ำหนักของคุณ จะอยู่ที่ปลายเท้าเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเท้าและน่องจึงต้องทำงานหนัก เพื่อให้ร่างกายทรงตัวได้ปกติ พอน่องทำงานหนักนานๆ ก็พาลโยงใยไปถึงกล้ามเนื้อ ส่วนอื่น เช่น หลัง เป็นต้น
การสวมใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ นานๆ จึงอาจทำให้คุณปวดทั้งน่อง ทั้งหลัง รวมไปถึงปวดหัวด้วย
แต่เมื่อจำเป็นต้องใส่รองเท้าส้นสูง และต้องยืนนานๆ ควรพยายามเคลื่อนไหวเท้า เพื่อเปลี่ยนอิริยาบทบ้าง เมื่อนั่งควรบริหารกล้ามเนื้อ โดยพยายามกระดกเท้าขึ้นลง ซ้ายขวา
เมื่อกลับถึงบ้าน หากมีเวลาให้ใช้น้ำอุ่นแช่เท้า นวดเบาๆ แล้วเช็ดให้แห้ง ก่อนเข้านอน ให้ยกเท้าพิงฝา สูงกว่าศีรษะสักพัก แล้วค่อยเข้านอนค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น